นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ibank) กล่าวว่า ธนาคารมีความพร้อมในการออกพันธบัตรอิสลาม วงเงินขั้นต้น 5 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 7 ปีเพื่อทดลองตลาด เพียงแต่รอการอนุมัติหลักเกณฑ์จากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ที่คาดว่าจะสามารถอนุมัติได้ในไตรมาส 2/54 ซึ่งทางธนาคารก็จะออกพันธบัตรดังกล่าวได้ทันที
"บอนด์ตอนนี้ก็รอ ก.ล.ต.อย่างเดียว ซึ่งถ้าเขาประกาศเราก็ออกได้ทันที เพราะว่าเราได้เตรียมการณ์ไว้หมดแล้ว โดยได้แต่งตั้งบล.ซีไอเอ็มบีฯ มาทำ structure ทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าเราออกก็อยากทดลองตลาดสัก 5 พันล้านบาทก่อน เพราะช่วงนี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ถ้าออกเยอะก็จะเป็นการ pressure ตัวเอง อายุก็ไม่เกิน 7 ปี ซึ่งเราก็ดูอยู่ทั้ง 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี"
สำหรับแผนการออกพันธบัตรในรูปสกุลดอลลาร์ ขณะนี้ธนาคารได้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากหากออกในช่วงเวลานี้อาจเกิดผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
นายธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงต้นปีนี้ ธนาคารยังเตรียมออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์อิสลาม วงเงินไม่เกิน 1.4 พันล้านบาท เพื่อระดมทุนเข้ามาซื้ออาคารสำนักงานใหญ่ โดยขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปแล้ว
ส่วนธุรกิจลิสซิ่งหลังจากได้เข้าไปถือหุ้น 49% ใน บมจ.อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง(AMANAH) ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นรัฐวิสาหกิจ อาจทำให้การบริหารจัดการต่าง ๆ ยากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจลิสซิ่งเข้ามาในปี 54 แต่คงยังไม่มากนัก เพราะเป็นปีแรก และที่ผ่านมาผลประกอบการในสมัยที่เป็น บมจ.นวลีสซิ่ง(NVL)ก็ยังไม่ค่อยดี
นอกจากนั้น บริษัทยังคงมองโอกาสที่จะเข้าไปซื้อธุรกิจลิสซิ่งรายอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม นายธีรศักดิ์ เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ธนาคารคงยังไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ มองว่าภาครัฐคงจะยังไม่อนุญาต เพราะการเข้าตลาดหลักทรัพย์อาจจะทำให้การทำงานต่าง ๆ ยากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 53 มีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 845 ล้านบาท จากปี 52 ซึ่งมีกำไร 355 ล้านบาท รายได้รวม 4,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,751.66 ล้านบาท ยอดเงินฝาก 86,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45,469 ล้านบาท จากปี 52 ที่มียอดเงินฝาก 40,759 ล้านบาท ทำให้ในปี 53 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 98,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ซึ่งมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 45,343 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 53,016 ล้านบาท
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ พันธกิจของธนาคาร โดยมุ่งสู่ความเป็นเลิศในระดับภูมิภาคเอเชีย ในการให้บริการที่ถูกต้อง รวดเร็ว และประทับใจ มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยธนาคารจะเน้นขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ตั้งเป้าใน 2 ปีข้างหน้าสัดส่วนลูกค้าของธนาคารจะเป็นกลุ่มบุคคลและรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของลูกค้าทั้งหมด และสัดส่วนลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ให้เหลือเพียง 40% ของลูกค้าทั้งหมด
นอกจากนี้ iBank ยังได้เพิ่มยุทธศาสตร์ในการคืนคุณค่าสู่สังคม โดยเน้นการพัฒนาสังคมและชุมชน ทั้งจากโครงการภายใต้นโยบายของภาครัฐที่มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับ และโครงการต่าง ๆ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อสนับสนุนธุรกรรมทางการเงินแก่ประชาชน พร้อมทั้งยกระดับการจัดการด้านการเงินและการลงทุน สำหรับผู้ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงระบบบริการทางการเงินให้มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพมากยิ่งขึ้น
โครงการภาครัฐเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน ตามมติคณะรัฐมนตรี ธนาคารคาดว่าจะดำเนินการ 3 โครงการ วงเงินสินเชื่อรวม 5,200 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.สินเชื่อเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.สินเชื่อเพี่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Soft Loan) และ3.โครงการเป็นผู้บริหารและผู้จัดการเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)
อย่างไรก็ดี ธนาคารยังมีโครงการเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนของธนาคาร อีก 2 โครงการ วงเงิน 3,050 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน — กรุงเทพฯ รวม 50 เขต และ2.โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน — ภาคใต้
ในปี 54 ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์รวมไว้ที่ 131,316 ล้านบาท ยอดเงินฝาก 117,957 ล้านบาท ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 112,957 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 841 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศให้เป็น 79 สาขาในสิ้นปีนี้ จาก ณ สิ้นปี 53 ธนาคารมีสาขา 54 สาขา