พณ.เผยจีนไต่ขึ้นคู่ค้าอันดับต้นของไทย หลังเปิด FTA อาเซียน-จีนครบ 1 ปี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 20, 2011 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ที่ได้เริ่มเปิดเสรีเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.53 โดยสินค้ากว่า 90% ของรายการสินค้าทั้งหมดได้ลดภาษีเหลือ 0% และครบ 1 ปีในวันที่ 1 ม.ค.54 ที่ผ่านมานั้น พบว่าได้สนับสนุนให้การค้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้จีนได้กลายเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียน มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 178,185 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ ของไทย โดยมูลค่าการค้ารวมในช่วง 11 เดือนปี 53 (ม.ค.-พ.ย.) ประมาณ 41,498 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการนำเข้า 22,119 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสัดส่วนการใช้สิทธิภายใต้ ACFTA ประมาณ 3,721 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 17% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดจากจีน และมีมูลค่าส่งออก 19,379 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิภายใต้ ACFTA ประมาณ 6,588 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 34% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดไปยังจีน

สำหรับสินค้าสำคัญที่ไทยใช้สิทธิภายใต้ ACFTA ส่งออกไปยังจีนมาก ได้แก่ มันสำปะหลัง, ยางพารา, พลาสติกขั้นปฐม และเคมีภัณฑ์อินทรีย์ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ไทยใช้สิทธิภายใต้ ACFTA นำเข้าจากจีน เช่น กระเบื้อง, เครื่องจักร, ผัก-ผลไม้ และผ้าทอ เป็นต้น

นางศรีรัตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากผู้นำเข้าและส่งออกของอาเซียนและจีนว่าไม่สามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ ACFTA ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากอุปสรรคของระเบียบพิธีการภายใต้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะการซื้อขายผ่านนายหน้าในประเทศที่สาม เช่น ฮ่องกง

อย่างไรก็ดี อาเซียนและจีนได้ทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและปรับกฎระเบียบใหม่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.54 ที่ผ่านมา ทำให้สินค้าที่ผลิตในอาเซียนหรือจีนได้รับสิทธิพิเศษทางศุลกากรจากอีกฝ่ายหนึ่งได้ง่ายขึ้น แม้ว่าสินค้านั้นจะมีบัญชีราคาสินค้า (invoice) ที่ออกโดยประเทศที่สามภายใต้เงื่อนไข Third Party Invoicing รวมทั้งการส่งสินค้าที่ต้องผ่านประเทศกลางซึ่งต้องแบ่งจำนวนสินค้า (Break Bulk) ก็จะสามารถดำเนินการได้

"การดำเนินการดังกล่าว ทำให้ผู้นำเข้าและส่งออกของไทย สามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้ ACFTA ได้มากขึ้น และการตรวจปล่อยสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งกรมฯ เชื่อว่าจะทำให้การค้าระหว่างไทยและจีนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น" นางศรีรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ ผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์ไทยและจีนได้หารือและจัดทำความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าหลายด้าน (Agreement on Expanding and Deepening Bilateral Economic and Trade Cooperation: EDBETC) โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีการลงนามความตกลงฯ เมื่อเดือนมิ.ย.52 จะช่วยส่งเสริมการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบการค้า ความร่วมมือในด้านการจัดงานแสดงสินค้า และการกำหนดสาขาความร่วมมือที่ไทยและจีนมีความสนใจร่วมกันใน 10 สาขา เช่น เกษตร อาหาร พลังงาน โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว ร้านอาหาร และความร่วมมือด้าน SMEs ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาระยะ 5 ปี เพื่อทำโครงการความร่วมมือในสาขาต่างๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ