ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ร่วงลงอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สกุลเงินยูโรขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.990 เยน จากระดับของวันพุธที่ 82.060 เยน และดอลลาร์ทะยานขึ้น 1.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9671 ฟรังค์ จากระดับ 0.9549 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.04% แตะที่ 1.3471 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3466 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.59% แตะที่ 1.5896 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5991 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.28% แตะที่ 0.9874 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0002 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.49% แตะที่ 0.7580 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7695 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ม.ค. ร่วงลง 37,000 ราย แตะระดับ 404,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 เดือนก.พ.
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 12.8% แตะระดับ 5.28 หลังต่อปี ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1%
นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางการจีนระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน ขยายตัว 10.3% ในปี 2553 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปี 2553 ขยายตัว 3.3%
ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า คณะกรรมการยุโรปกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดทางให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เข้าซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลในประเทศยุโรปที่กำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะ