นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทัศนะเกี่ยวกับเศรษฐกิจและมาตรการปัจจุบันว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะมีการใช้จ่ายรวม 39,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.94% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 49
ทั้งนี้ แสดงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับเข้าสู่ปกติ เนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวดีขึ้น รายได้ของประชาชนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนประจำและค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่วนทัศนะเกี่ยวกับราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 54 พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่า 80% เห็นว่าราคาสินค้าแพงขึ้น และผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 49.8% เป็นห่วงเรื่องการขึ้นราคาสินค้ามากที่สุด สำหรับการใช้จ่ายนั้น ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อซื้อของไหว้เจ้า เฉลี่ยจำนวนเงินต่อคน 2,853 บาท ส่วนที่เหลือไปทำบุญใช้เงิน 1,838 บาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3,294 บาท ให้แต๊ะเอีย 3,028 บาท และใช้เพื่อการท่องเที่ยว 6,853 บาท ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่มีมูลค่าการใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนทัศนะเกี่ยวกับเศรษฐกิจและมาตรการปัจจุบัน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 28.8% ยังเห็นว่ามาตรการควบคุมราคาสินค้าของรัฐบาลไม่ได้ผล เพราะราคาสินค้ายังขยับตัวเพิ่มขึ้นมาก และในอีก 6 เดือนข้างหน้ากลุ่มตัวอย่าง 60.6% คิดว่าราคาสินค้าจะยังแพงขึ้น เพราะราคาน้ำมันแพง วัตถุดิบแพงขึ้น รัฐบาลไม่ควบคุม ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถรับภาระสินค้าแพงได้ และจะกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้
ขณะที่มาตรการ 9 ข้อของรัฐบาลนั้น จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่าง พบว่า มาตรการที่คนชื่นชอบมากที่สุด ได้แก่ มาตรการให้ผู้ที่ใช้ไฟไม่ต่ำกว่า 90 หน่วยใช้ไฟฟรีถาวร มาตรการให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ระบบประกันสังคมเข้ามาอยู่ในระบบ และมาตรการตรึงราคาก๊าซ LPGภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง
"ประชาชนเชื่อว่าของแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ธปท.ควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 เพื่อลดต้นทุน และรัฐบาลควรตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ไปถึงเดือนมี.ค.นี้ หลังจากนั้นก็ทยอยปรับขึ้นเป็น 31-32 บาท/ลิตร เพื่อไม่ใช้งบประมาณอุ้มมากจนเกินไป" นายธนวรรธน์ กล่าว