ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้กล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) เมื่อเวลา 09.00 น.ตามเวลาประเทศไทยในวันนี้ (26 ม.ค.) ว่า การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐจะทำให้สถานะทางการคลังของรัฐบาลอยู่ในภาวะที่ไม่ยั่งยืน พร้อมกับเสนอให้มีการคงระดับการใช้จ่ายประจำปีบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านกลาโหมเอาไว้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ โอบามายังเรียกร้องให้มีการลดงบประมาณด้านกลาโหมลง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์
"เรากำลังเผชิญกับความจริงที่ว่า รัฐบาลของเรามีการใช้จ่ายมากกว่ารายรับ ซึ่งจะทำให้สถานะทางการคลังของเราไม่ยั่งยืน ข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยให้ตัวเลขการใช้จ่ายปรับตัวลดลงอย่างสอดคล้องกับเศรษฐกิจของเรามากที่สุดนับตั้งแต่ ดไวท์ ไอเซนฮาวเออร์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี"
"ผมทราบดีว่า บางท่านในสภาแห่งนี้ได้คัดค้านการปรับลดการใช้จ่าย และผมก็เต็มใจที่จะทำตามความต้องการของพวกท่านหากพบว่าไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ แต่ขอให้ท่านมั่นใจว่าการใช้จ่ายที่เราจะตัดออกไปนั้น เป็นการใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นจริงๆ" โอบามากล่าว
ในโอกาสนี้ โอบามาเรียกร้องให้มีการริเริ่มโครงการต่างๆเพื่อยกระดับการศึกษา สนับสนุนนวัตกรรม รวมทั้งสนับสนุนโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งได้แก่การสร้างถนน ทางรถไฟ และเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้สหรัฐยังสามารถรักษาสถานะในด้านการแข่งขันเอาไว้ได้
"ก้าวแรกของการอยู่รอดได้ในอนาคตคือ การส่งเสริมนวัตกรรมของชาวอเมริกัน เราจำเป็นต้องแซงหน้าประเทศอื่นๆทั่วโลกในด้านการนวัตกรรม การศึกษา และการสร้างสาธารณูปโภค นี่เป็นหนทางที่เราจะอยู่ได้ในอนาคต การลดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อนำเงินมาลงทุนในด้านการนวัตกรรมและการศึกษา ก็เป็นเหมือนกับการทำให้น้ำหนักเครื่องบินลำหนึ่งเบาลง ด้วยการเอาเครื่องยนต์ที่ไม่จำเป็นออกไป"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โอบามาพุ่งเป้าไปที่การระงับตัวเลขการใช้จ่ายราว 12% ของงบประมาณ โดยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐจะอภิปรายเรื่องงบประมาณประจำปี 2554 รวมถึงข้อเสนอของโอบามา โดยมีการคาดการณ์ว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะถกเถียงกันอย่างหนักในเรื่องมาตรการลดงบประมาณและการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง
ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐปรับตัวลดลงแตะระดับ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2553 แต่มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ยอดขาดดุลจะยังคงอยู่ที่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2554 นอกจากนี้ ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 13.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าเพดานที่สภาผู้แทนราษฎรกำหนดไว้ที่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น