เมืองต่างๆในประเทศจีนประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงาน เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนธ.ค. 2553 ขยายตัวขึ้น 4.6% ต่อปี ส่วนดัชนี CPI ในปี 2553 ขยายตัวขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับจากระดับปี 2552
ราคาอาหาร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของตะกร้าสินค้าในการคำนวณดัชนี CPI ของจีนนั้น พุ่งขึ้นถึง 7.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2553
หลายเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตอย่างกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และปักกิ่ง ได้ขึ้นค่าแรงในระดับตัวเลขสองหลัก หลังจากที่มีการขึ้นค่าแรงไปเมื่อปีที่แล้วจนทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ส่งผลให้หลายบริษัทที่ผลิตสินค้าราคาถูกต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียแทน
อีกปัจจัยที่ทำให้ทางการตัดสินใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคือ การขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่รวมถึงการชุมนุมประท้วงของแรงงานที่ไม่พอใจค่าแรงที่ได้รับ และคาดว่าเกือบทุกเมืองจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า 85 บริษัทที่ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าต้นทุนที่สูงขึ้นกำลังทำให้จีนมีความสามารถในการแข่งขันลดลงเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่นๆ