กระทรวงการค้าอินโดนีเซียได้ขึ้นภาษีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในเดือนก.พ.ขึ้นเป็น 25% จากระดับเดือนม.ค.ที่ 20% ตั้งเป้าส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ก็ได้รับการร้องเรียนจากทางกลุ่มผู้ปลูกปาล์ม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเดดดี ซาเลห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของกระทรวง กล่าวว่า การขึ้นภาษีน้ำมันปาล์มเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบอ้างอิงสำหรับเดือนก.พ.สูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.194 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งสูงกว่าระดับของเดือนม.ค.ที่ 1.112 ดอลลาร์ต่อตัน
นายโจโค สุพรีโยโน เลขาธิการสมาคมน้ำมันปาล์มอินโดนีเซียกล่าวว่า การขึ้นภาษีการขายในต่างประเทศนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ แต่อาจจะทำให้รายได้ของกลุ่มผู้ปลูกปาล์มลดลง และอาจจะทำให้มีการชะลอการขยายพื้นที่การปลูกปาล์ม
ทางด้านนายบายู กริสมูที รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการค้า กล่าวว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวมีเป้าหมายที่การสนับสนุนให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมปลายน้ำสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ได้มีการคำนวณจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่รุนแรง
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยผลิตน้ำมันปาล์มได้ในปริมาณกว่า 21 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะที่ผลิตน้ำมันปาล์มได้ 19 ล้านตันในปี 2552
กระทรวงเกษตรอินโดนีเซียคาดว่า การผลิตน้ำมันปาล์มจะเพิ่มขึ้น 5% มาอยู่ที่ระดับกว่า 24 ตันในปี 2557