ผู้เชี่ยวชาญคาดเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลงในปี 54 เหตุวิกฤตหนี้ยุโรป-เงินเฟ้อ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 26, 2011 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าซึ่งเข้าร่วมประชุม "Dow Jones Indexes Global Economic Outlook" ครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าจังหวะการฟื้นตัวจะชะลอลงในปี 2554

อีธาน เอส แฮร์ริส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า "เราคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะได้แรงหนุนจากนโยบายที่แข็งแกร่ง รวมถึงนโยบายการเงินและการคลัง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวปานกลางที่ระดับ 3% ในอีก 2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจะยังถูกกระทบจากผลพวงของวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และความอ่อนแอของงบดุลทั้งในภาคครัวเรือนและภาครัฐที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"

ขณะที่โรเบิร์ต บัคแลนด์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกจากซิติก อินเวสต์เมนท์ รีเสิร์ช แอนด์ อนาไลสิส กล่าวว่า "เราคาดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2554 จะยังคงฟื้นตัวได้ดีเหมือนกับในปี 2553 เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นว่า ตลาดจะยังคงมีภาวะการซื้อขายที่แข็งแกร่งนับจากนี้ แม้บริษัทเอกชนผิดหวังกับนโยบายบางด้านของรัฐบาลก็ตาม"

ด้านนายไมเคิล วูลฟอล์ค นักยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราจากแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับปัจจุบันเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆไปจนถึงช่วงกลางปีนี้ แต่คาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอื่นๆเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

วูลฟอล์ค คาดว่า เงินเยนจะยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวช้าลง ขณะเดียวกันคาดว่า เงินยูโร เงินปอนด์อังกฤษ และเงินฟรังค์สวิส จะเป็นสกุลเงินที่ยืดหยุ่นมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลักๆของโลก แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปก็ตาม

เดวิด มัลพาส ประธานบริษัท เอ็นซีมา โกลบอล แอลแอลซี กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ปัญหาเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะจะจำกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจรอบนอกภูมิภาคเอเชีย

"เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3.5% ในปี 2554 ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นจะขยายตัวไม่ถึง 2% และเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 10% แรงกดดันของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้โครงการซื้อพันธบัตรจะส่งผลให้ตลาดเคลื่อนตัวในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน" มัลพาสกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ