นายดุสิต นนทนาคร ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวในการสัมมนา "เปิดมิติใหม่ สร้างโอกาสสู่ความสำเร็จ-Thailand Economic Outlook 2011:The New Landscape of Opportunities"ว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปี 54 น่าจะเติบโตได้ 4-5% แต่หากการบริโภคภายในประเทศเติบโตได้ดี การส่งออกขยายตัวได้ดี รวมถึงการเมืองยุติความขัดแย้งก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้เพิ่มอีก 1-2% และยิ่งหากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อีก 1%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อที่จะปรับสูงขึ้น แต่หวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะสามารถดูแลควบคุมเงินเฟ้อได้ ขณะเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ก็จะต้องเข้ามาดูแลราคาสินค้าไม่ให้ปรับสูงขึ้นมากเกินไป ขณะที่ดอกเบี้ยช่วงขาขึ้นเชื่อว่าไม่เป็นปัญหาต่อภาคเอกชน เพราะได้มีการรับรู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว และได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว ส่วนปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจและเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าปัญหาการเมืองไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
นายดุสิต กล่าวว่า หอการค้ายังได้เสนอแนะให้ภาคเอกชนให้ความสำคัญเกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community : AEC)ที่จะมีขึ้นในปี ค.ศ.2015 ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งในแง่ของประชาชนที่มีโอกาสซื้อสินค้าถูกลง มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากไม่มีกำแพงภาษี ถือเป็นทางเลือกในการบริโภคสินค้ามากขึ้น และในแง่ของผู้ประกอบการจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจและขยายตลาด ภายใต้ต้นทุนที่ถูกลง มีโอกาสในการจัดหาวัตถุดิบที่ถูกลง
แต่ภายใต้การแข่งขันเสรีก็ยังมีความเสี่ยงทางธุรกิจที่จะมีการแข่งขันมากขึ้น ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยใช้จุดแข็งของไทยที่เป็นประเทศที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจดี ประชากรมีความรู้ มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก มีแรงงานทักษะสูง ทำให้เป็นที่สนใจในการตั้งฐานการผลิตอุตสาหกรรมต่าง ๆที่มั่นใจในศักยภาพของไทย ถือเป็นจุดแข็งที่ต้องรักษาไว้ให้ได้
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของจุดอ่อนของไทยยังมีในเรื่องภาษา ที่จะต้องมีการฝึกฝนให้มากขึ้น เมื่อมี AEC แล้วจำเป็นจะต้องมีความรู้มากกว่า 1 ภาษา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นกังวลพบว่าจากการสำรวจภาคธุรกิจของไทย เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา 80% ไม่มีความรู้เรื่อง AEC ว่าคืออะไร และจะได้ประโยชน์อะไรจาก AEC จึงจำเป็นต้องกระตุ้นให้คนไทยและภาคเอกชนได้เข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอี ซึ่งในส่วนของหอการค้าไทยได้มีการจัดตั้ง AEC Prompt เพื่อให้ข้อมูลขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มอาเซียน และเพื่อสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจในการทำ Business matching ให้ผู้ประกอบการของไทย
ขณะเดียวกันเห็นว่าปัจจุบันมีสินค้าที่ไร้คุณภาพ สินค้าปลอมปน สินค้าราคาถูกเข้ามาในตลาดไทยมากขึ้น และสุดท้ายกลายเป็นสินค้าขยะทะลักเข้าในประเทศ ดังนั้น ประชาชนและภาครัฐต้องมีความร่วมมือในการไม่สนับสนุนสินค้าไร้คุณภาพ
นอกจากนั้น ยังเสนอแนะให้ภาครัฐต้องปรับตัวในการทำงาน ไม่ใช่เป็นแค่หน่วยงานควบคุมราคาเท่านั้น แม้ว่าในระยะสั้นยอมรับว่าอาจจำเป็นต้องใช้นโยบายควบคุมราคา แต่ในที่สุดแล้วเห็นว่าหากต้นทุนสินค้าปรับตัวสูงขึ้น การควบคุมราคาจะทำให้ผู้ประกอบการอยู่รอดไม่ได้ ดังนั้น ภาครัฐจะต้องปรับตัวจากการเป็นผู้คุมกฎ มาเป็นผู้ให้ประโยชน์เพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนอยู่รอดได้ต่อไป
"ทั้งหมดนี้หากไทยไม่สามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ และมีการควบคุมราคาสินค้า รวมถึงไม่มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสุดท้ายแล้วประเทศไทยจะไม่มียุคทองจากกลุ่มอาเซียน"นายดุสิต กล่าว