ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) โดยย้ำว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า ข้อมูลที่เอฟโอเอ็มซีได้รับในช่วงเดือนธ.ค.ปี 2553 บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่ในอัตราที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนกระเตื้องขึ้นในปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงถูกจำกัดโดยอัตราว่างงานที่สูงมาก ขณะที่การขยายตัวของรายได้ยังอยู่ในระดับต่ำ และภาวะสินเชื่อยังคงตึงตัว
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น แต่ภาคธุรกิจยังคงลังเลที่จะจ้างงานเพิ่ม ส่วนภาคครัวเรือนยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้น เฟดมองว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงทรงตัว แม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดนี้ ทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0 - 0.25% และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรับมือกับอัตราว่างงานที่ยังสูงมาก
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 ตามแผนการที่วางไว้ โดยเฟดจะทบทวนจังหวะเวลาในการเข้าซื้อพันธบัตรและขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรเป็นระยะๆ โดยจะพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้รับ และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น เพื่อเป้าหมายที่จะหนุนตัวเลขการจ้างงานให้สูงขึ้นและทำให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้น
"คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจและความคืบหน้าในภาคการเงินต่อไปอย่างใกล้ชิด และจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายที่จำเป็นเพื่อสนันสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับเป้าหมายของเฟด" แถลงการณ์ของเฟดระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน