ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบยูโรหลังเฟดยืนยันเดินหน้ามาตรการ QE2

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 27, 2011 07:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดอลลาร์จะอ่อนตัวลงอีกตลอดสัปดาห์นี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร 6 แสนล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่มากพอ ส่วนค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากข่าวความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปน

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.04% แตะที่ 1.3694 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3689 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.49% แตะที่ 1.5899 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5822 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.280 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 82.200 เยน และดีดตัวขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9432 ฟรังค์ จากระดับ 0.9417 ฟรังค์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.09% แตะที่ 0.9982 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9973 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.33% แตะที่ 0.7709 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7684 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรมูลค่า 2.2 พันล้านยูโร และกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) สามารถขายพันธบัตรอายุ 5 ปี วงเงิน 5 พันล้านยูโรได้อย่างราบรื่น โดยเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรครั้งนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลไอร์แลนด์ และปรับโครงสร้างระบบการธนาคารของไอร์แลนด์

การออกพันธบัตรของกองทุน EFSF ครั้งแรกได้รับความสนใจจากตลาดอย่างมาก โดยความต้องการพันธบัตรพุ่งขึ้นแตะ 4.3 หมื่นล้านยูโร หรือเกือบ 9 เท่าของจำนวนพันธบัตรที่นำเสนอขาย นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าซื้อพันธบัตรของกองทุน EFSF ในสัดส่วน 20% ของมูลค่าพันธบัตรทั้งหมดที่ 5 พันล้านยูโร

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันจากการที่เฟดยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่มากพอที่จะหนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย และในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25%

ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.49% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 หดตัวลง 0.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2552 และเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2552

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค. และตัวเลขประมาณการจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 1

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 4 ปี 2553 ของสหรัฐ จะขยายตัวในอัตรา 3.5% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.6% ของไตรมาส 3 เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 4 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ