ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) โดยย้ำว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ปี 2553 พุ่งขึ้น 17.5% แตะที่ 329,000 ยูนิตต่อปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ 300,000 ยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ
-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดการส่งออกโดยรวมในปี 2553 ของญี่ปุ่นขยายตัว 24.4% จากระดับของปี 2552 ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี ส่วนยอดการส่งออกเดือนธ.ค.ปี 2553 เพิ่มขึ้น 13.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีนและประเทศอื่นๆในเอเชีย
-- นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของสหรัฐมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในขณะนี้มีลักษณะเหมือนน้ำครึ่งแก้ว เนื่องจากประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีระดับการฟื้นตัวที่แตกต่างกัน
-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 10.6% จากปี 2552 สู่ระดับ 27.5% ณ สิ้นปี 2553
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เผย ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2553 อยู่ที่ 2.82 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากระดับ 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์ของปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติการเกินดุลที่สูงที่สุด โดยเกาหลีใต้มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่องมา 13 ปีแล้ว
-- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 3% ในการประชุมวันนี้ โดยให้เหตุผลว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัยภายใต้กรอบเป้าหมายที่กำหนด และการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
-- คณะรัฐมนตรีจีนประกาศขึ้นเพดานขั้นต่ำของเงินที่ต้องชำระทันทีในวันทำสัญญาซื้อขายบ้าน (down payment) สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง เป็น 60% ของมูลค่าบ้าน จากเดิมที่ระดับ 50% โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
-- คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารของจีน (CBRC) เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์จีน ลดลง 14% ในปี 2553 แตะที่ 4.293 แสนล้านหยวน (6.517 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
-- รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นชั่วคราว เพื่อเป็นงบประมาณในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงของประเทศ โดยจะมีการจัดเก็บภาษีให้ได้เป็นวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อดำเนินการดังกล่าว
-- สมาพันธ์อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและเคมีจีนคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจจะเคลื่อนตัวอย่างผันผวนอยู่ในช่วง 75-105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือที่ระดับเฉลี่ยที่ 88 ดอลลาร์ในปีนี้ และช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันถูกนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
-- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์อันดับ 1 ของโลก เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถโตโยต้าทั่วโลกลดลง 6.5% ในเดือนธันวาคมเมื่อเทียบรายปี แตะที่ 594,882 คัน ซึ่งหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
-- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นลงสู่ระดับ AA- จากระดับ AA โดยให้เหตุผลว่าญี่ปุ่นกำลังเผชิยความยากลำบากในการฟื้นฟูภาคการเงินสาธารณะ