สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) โดยสัญญาดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนต.ค.2553 หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยืนยันว่า อีซีบีจะเดินหน้าใช้มาตรการสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,318.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,310 - 1,347.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 9.70 เซนต์ ปิดที่ 27.031 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 7.15 เซนต์ ปิดที่ 4.3385 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,803.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 813.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาทองคำ หลังจากนายโลเรนโซ บินี สมาจ์กี หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีไม่สามารถเพิกเฉยต่อภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของราคานำเข้าสินค้าได้อีกต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าจะผลักดันให้อีซีบีใช้มาตรการที่จริงจังในการสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของนายสมาจ์กีทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อีซีบีอาจจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ในเบื้องต้น
เทรดเดอร์กล่าวว่า โดยปกติแล้วนักลงทุนมักถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงของเงินเฟ้อ แต่การส่งสัญญาณของคณะกรรมการอีซีบีทำให้นักลงทุนมองว่า อีซีบีอาจจะใช้มาตรการควบคุมเงินเฟ้อเร็วๆนี้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุนตัดสินใจเทขายทองคำ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังต้องการถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา