ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเหตุการณ์ประท้วงในอียิปต์ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานว่าเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค และกลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.22% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยุโรที่ระดับ 1.3803 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่1.3833 ดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.550 เยน จากระดับ 81.310 เยน
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9404 ฟรังค์ จากระดับ 0.9349 ฟรังค์ แต่อ่อนตัวลง 0.25% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6185 ปอนด์ จากระดับ 1.6145 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.32% แตะที่ 1.0083 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0115 ดอลลารน์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.41% แตะที่ 0.7777 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7809 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะเชื่อว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศ โดยมีรายงานว่าเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมูบารัค และกลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน
ประธานาธิบดีมูบารัคยืนยันว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนก.ย. แต่กลุ่มผู้ต่อต้านยังคงแสดงความไม่พอใจเนื่องจากมูบารัคไม่ได้ยืนยันว่าจะลาออกจากตำแหน่งตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนับล้านที่ออกมาเดินขบวนประท้วงในกรุงไคโรและเมืองอเล็กซานเดรีย จนนำไปสู่การปะทะกันรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของอียิปต์ ลงสู่ระดับ BB จากระดับ BB+ และเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เป็นผลมาจากการประท้วงที่ยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและค่าเงินของอียิปต์ ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลเยอรมนีได้คัดค้านการเปิดทางให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เข้าซื้อตราสารหนี้ของประเทศยุโรปที่ประสบปัญหาด้านการเงิน นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้ปัจจัยลบจากการที่ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์
ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ภาคเอกชนได้เพิ่มการจ้างงาน 247,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.ปี 2553 การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของ ADP มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์นี้โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.5% ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในเดือนธ.ค.