สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่าการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอียิปต์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรไปจนสิ้นสุดโครงการในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 20.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,353.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,325.40 - 1,356.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 43.9 เซนต์ ปิดที่ 28.728 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.05 เซนต์ ปิดที่ 4.5445 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 15.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,844.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 10 ดอลลาร์ ปิดที่ 820.55 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำพุ่งเนื่องจากนักลงทุนยังคงถือครองทองคำนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในอียิปต์ โดยมีรายงานว่า กองทัพอียิปต์ได้เคลื่อนพลไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่จตุรัสตอห์รีร์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้ต่อต้านประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค โดยลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีได้ยิงปืนเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 1,500 คน
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนหลังจากเบอร์นันเก้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ไปจนสิ้นสุดโครงการในกลางปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี กรุ๊ป คาดว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นอีกในอีกหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับสถานการณ์ความไม่สงบและแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก