นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีนโยบายในการแทรกแซงราคาปุ๋ยแต่อย่างใด แม้ว่าขณะนี้มีปริมาณปุ๋ยเคมีในสต็อกแล้วทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านตัน โดยเป็นปริมาณปุ๋ยเคมีที่คงเหลือในสต็อกจากการสำรวจของกรมการค้าภายใน ในเดือนธันวาคม 2553 มีอยู่ประมาณ 696,000 ตัน และที่ได้มีการนำเข้ามาในเดือนมกราคม 2554 อีกประมาณ 267,000 ตัน
ทำให้ขณะนี้มีจำนวนปุ๋ยเคมีซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลจากปริมาณปุ๋ยเคมีที่เหลืออยู่จะเพียงพอต่อการเพาะปลูกของเกษตรกร คือ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน ที่เป็นต้นฤดูการเพาะปลูก
แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลราคาตลาดโลกพบว่าปุ๋ยเคมีบางสูตรที่กระทรวงพาณิชย์คุมราคามีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึง 13% ที่ส่วนใหญ่ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีมาจากประเทศซาอุดิอาระเบียประมาณ 16.59% ประเทศจีน 15.92% และรัสเซีย 12.82% เป็นต้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของเกษตรกรในฤดูเพาะปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป
ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามมาตรการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยของเกษตรกร คือ การให้ความรู้แก่เกษตรกรให้เข้าใจในการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องเหมาะสมกับชนิดของดินและพืช การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การใช้ปุ๋ยแบบผสมผสานโดยการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ และส่งเสริมให้เกษตรกรผสมปุ๋ยเคมีไว้ใช้เอง ซึ่งจะทำให้สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีในการผลิตลงได้
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปควบคุมคุณภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปุ๋ยปลอมด้อยมาตรฐานขึ้นมาในช่วงนี้