นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประชุมผ่าน VDO Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และประชาชนใน 5 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองคาย และ อุบลราชธานี เพื่อติดตามงานของรัฐบาล
การประชุมทางไกลผ่านระบบ VDO Conference ครั้งแรกวันนี้จะเป็นการติดตามโครงส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ. 2554-2556 จำนวน 800,000 ไร่ (แบ่งออกไปในแต่ละภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 500,000 ไร่) ที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดหนอคาย รวมทั้งโครงการจ่ายเงินค่าชดเชยจากปัญหาการสร้างฝายราศีไศล ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ เพื่อเป็นการรับทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่และเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นไปอย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราฯ ว่า ตั้งแต่ได้เข้ามาบริหารประเทศ ราคายางพาราจะอยู่ประมาณ 30-40 บาท แต่ขณะนี้ราคายางพาราดีมากมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่า จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากมีความสนใจในการที่จะปลูกยางพารา ซึ่งเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีได้มีแนวทางที่ชัดเจนในการที่จะส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ ระยะที่ 3 (2554-2556) จำนวน 800,000 ไร่ ซึ่ง 500,000 ไร่ จะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในเรื่องของการปลูกยางพารานั้น รัฐบาลจะมีการให้การสนับสนุนในเรื่องของปัจจัยการผลิต ( พันธุ์ยาง ปุ๋ย และเมล็ดพืชคลุมดิน ใน 3 ปีแรก เป็นเงิน 3,529 บาท/ไร่ แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ตามหลักเกณฑ์ สกย.) การบริหารจัดการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น ต้องมีที่ดินและเอกสารสิทธิเป็นของตนเอง (มีที่ดินของตนเองไม่น้อยกว่า 2 ไร่ และไม่เคยมีส่วนยางมาก่อน)
อย่างไรก็ตาม การที่จะปลูกยางพาราได้นั้น ไม่สามารถที่จะปลูกยางพาราได้ทุกพื้นที่ เพราะต้องดูถึงความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่โดยกรมวิชาการการเกษตรจะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว ขณะเดียวกันหากนำพื้นที่ที่เหมาะในการทำการเกษตรอย่างอื่น เช่น พื้นที่ปลูกข้าว มาปลูกยางพาราก็จะไปกระทบกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารได้ ดังนั้นตรงนี้จึงอยากจะขอให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ไปทำความเข้าใจกับประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันในเรื่องของหลักเกณฑ์โครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราฯ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากการเดินทางไปต่างประเทศ ได้เชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในด้านการแปรรูปเพิ่มผลผลิตราคายางพารา โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความสนใจและต้องการยางพาราเป็นจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติว่า ขณะนี้กำลังติดตามในเรื่องโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยขอยืนยันว่าโครงการนี้รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าปัจจุบันแนวโน้มในตลาดเริ่มดีขึ้นแต่โครงการดังกล่าวก็ยังจะเป็นโครงการที่มีความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชาเกษตรกรและจะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมากในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาพืชผลทางการเกษตร
อย่างไรก็ตามจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามพบว่าเริ่มมีปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่แจ้งข้อมูลตามความเป็นจริง ดังนั้นจึงอยากจะขอความร่วมมือจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการให้ข้อมูลที่เป็นจริงด้วย ทั้งนี้เพื่อให้การโครงการนี้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศอย่างแท้จริง
ส่วนการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และร้อยเอ็ดที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างฝายราษีไศลนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนแล้ว ทำให้ขณะนี้เหลือปัญหาที่ยังต้องแก้ไขไม่ถึงร้อยละ 5 ซึ่งจะมีการประชุมกรรมการชุดใหญ่ภายใน ก.พ.นี้และให้ 9 กลุ่มเกษตรกรมีส่วนร่วมในการประชุมด้วย เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยังเหลืออยู่
นอกจากนี้นายกฯ ยังได้กล่าวถึงนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงด้วยว่า นโยบายดังกล่าวนั้นขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดัน โดยระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจากับประเทศจีน ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากพอสมควรและคาดว่าเมื่อได้ข้อยุติแล้วก็จะมีการนำเสนอต่อรัฐสภาฯ ต่อไป ทั้งนี้โครงการดังกล่าวหากสำเร็จจะเป็นโครงการที่ทำให้การคมนาคมเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น
อนึ่ง นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาชน ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อต้องการเร่งรัดกระบวนการปฏิบัติงานให้เร็วขึ้น และเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยการประชุมครั้งต่อไปจะติดตามความคืบหน้าโครงการของพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด