รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับการค้าไทย-กัมพูชา หยุดชะงัก พร้อมเตรียมพิจารณาเลื่อนวันประชุม Business Forum ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ที่กรุงพนมเปญ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซบเซาลงมาก พร้อมได้สั่งการไปยังพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้เตรียมความพร้อมรับมือทั้งด้านความมั่นคงและการค้า
ขณะเดียวกันพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษก็ได้รายงานการค้าบริเวณด่านช่องสะงำ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ว่าแม้จะยังไม่มีการปิดด่านชายแดนแต่แทบจะหยุดการซื้อ-ขาย รวมถึงด่านช่องจอมที่จังหวัดสุรินทร์ก็ซบเซาลงไปตามกัน ส่วนช่องทางการค้าที่อยู่ห่างจากพื้นที่ดังกล่าว เช่นที่ด่านจังหวัดตราด และจันทบุรี การค้ายังคงเป็นไปด้วยความปกติ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมูลค่าการซื้อ-ขายระหว่างไทยกับกัมพูชา มีการส่งออกมูลกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องจักร น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้น ขณะเดียวกันมีการนำเข้าเพียง 3,000 ล้านบาทต่อปี เชื่อว่าการค้าจะฟื้นตัวเร็วหากสถานการณ์คลี่คลายลง
รมช.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบถึงการจัดประชุม Business Forum ไทย-กัมพูชา ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ นี้ ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะมีการหารือกับกัมพูชาในความร่วมมือ 6 สาขา คือ การค้า การลงทุน การเกษตร โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์หากยังไม่คลี่คลายลงมีความเป็นไปได้ว่าการประชุมดังกล่าวอาจจะต้องเลื่อนออกไป สำหรับการประชุมดังกล่าวเป็นโครงการสำคัญที่ผลักดันการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชา ให้ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย