กระทรวงการคลังสหรัฐระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ว่า ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจีน ไม่ได้ปั่นค่าเงินของตนเพื่อความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรมในปี 2553 อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า กระบวนการปฏิรูปค่าเงินหยวนของจีนจนถึงขณะนี้ยังไม่เพียงพอ
รายงานนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐจัดทำขึ้นทุกๆครึ่งปีเพื่อยื่นต่อสภาคองเกรสนั้น ได้พิจารณาตรวจสอบเศรษฐกิจ 10 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรวมกันเกือบ 3 ใน 4 ของการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า หลายประเทศปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นเต็มที่ ขณะที่บางประเทศควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเข้มงวดมากกว่า
สำหรับสาเหตุที่ทำให้สหรัฐไม่กล่าวหาว่าจีนปั่นค่าเงินหยวนในรายงานฉบับล่าสุดนี้ เป็นเพราะจีนได้เริ่มปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกลับมาเคลื่อนไหวอย่างยืดหยุ่นอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตลอดจนระยะหลังมานี้ เงินหยวนแข็งค่าในจังหวะที่เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ยังได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความพยายามในการส่งเสริมความต้องการภายในประเทศและเพิ่มความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้พฤติกรรมของจีนไม่เข้าข่ายปั่นค่าเงินตามคำจำกัดความของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน รายงานระบุว่า จนถึงขณะนี้ กระบวนการปฏิรูปเงินหยวนยังไม่เพียงพอ และจีนจำเป็นต้องปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วกว่านี้ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่เพิ่มสูงขึ้นของจีน และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของผลิตภาพการผลิต บ่งชี้ว่า เงินหยวนยังคงมีมูลค่าต่ำมาก
รายงานชี้ด้วยว่า การปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักรายอื่นๆ ของจีน ถือเป็นผลประโยชน์ของจีนเอง มิฉะนั้น จีนจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อขยายตัวเร็วขึ้น สินเชื่อภายในประเทศขยายตัวรวดเร็วเกินไป และเพิ่มแรงกดดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์และหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในอนาคตตกอยู่ในความเสี่ยง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าจะยังคงติดตามจังหวะการแข็งค่าของเงินหยวนอย่างใกล้ชิดต่อไป