สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ขยายตัว 6.9% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่รวดเร็วสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และส่งผลให้จีดีพีตลอดปี 2553 ขยายตัวที่ระดับ 6.1% หลังจากที่ขยายตัวเพียง 4.5% ในปี 2552
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินโดนีเซียดำเนินการตามประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 6.75% เพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อ หลังจากที่ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.5% มาตั้งแต่เดือนส.ค.2551 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและป้องกันการไหลเข้าของเงินทุน
ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน่ ของอินโดนีเซียได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจภัยในประเทศไว้ที่ระดับ 6.6% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2553-2557 และตั้งเป้าสร้างงานให้ได้กว่า 2 ล้านตำแหน่งภายในปี 2557
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะยังคงเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
นายดาร์มิน นาซูชัน ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางจะปล่อยให้สกุลเงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้นเพื่อควบคุมแรงกดดันของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้น โดยเงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 8,990 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศขึ้นดอกเบี้ยอ้างอิง 0.25% สู่ระดับ 6.75% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และเป็นความเคลื่อนไหวที่เหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน
ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวราว 6-6.5% ในปี 2553 ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระดับ 6.4% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 4-6%