นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนม.ค.54 มีธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 5,307 ราย มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 16,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,915 ราย หรือ 70% เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.53 และเพิ่มขึ้น 663 ราย หรือ 14% เทียบเดือนม.ค.53 ที่มี 4,644 ราย โดยการจดทะเบียนจัดตั้งในเดือนม.ค.นี้ เป็นยอดจดทะเบียนเฉพาะเดือนเดียวที่สูงสุดในรอบ 99 ปี นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2485 เป็นการทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง หลังจากที่ยอดจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั้งปี 53 ได้เคยทำสถิติสูงสุดในรอบ 99 ปีไปแล้ว
ส่วนธุรกิจที่เลิกกิจการในเดือนม.ค.54 มี 1,128 ราย ลดลง 2,550 ราย หรือ 69% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.53 ที่เลิกกิจการ 3,678 ราย และลดลง 109 ราย หรือ 9% เมื่อเทียบเดือน ม.ค.53 ที่เลิกกิจการไป 1,237 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,852 ล้านบาท หรือลดลง 78% ส่งผลให้มีธุรกิจคงอยู่ในปัจจุบันทั้งสิ้น 542,979 ราย
"สถานการณ์การเมืองในประเทศขณะนี้ ยังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนม.ค.ยังเพิ่มถึง 70% ขณะที่บริษัทที่เจ๊งก็ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของการทำธุรกิจยังดีขึ้นต่อเนื่อง" นายอลงกรณ์ กล่าว
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อภาคธุรกิจในขณะนี้มี 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา 2.อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น 3.ปัญหาการเมืองในประเทศ 4.สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีเสถียรภาพดีพอ 5.อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นราคาสินค้า และ 6.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น