ค่าเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) หลังจากทางการเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งของโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศหดตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้แรงหนุนจากอัตราว่างงานของสหรัฐที่ร่วงลงในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.01% แตะที่ 1.3586 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3585 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.07% แตะที่ 1.6111 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6099 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.290 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 82.170 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9553 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.04% แตะที่ 1.0129 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0133 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.12% แตะที่ 0.7695 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7686 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรย่ำฐานทรงตัวหลังจากรัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศหดตัวลง 3.4% ในเดือนธ.ค.ปี 2553 ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังอ่อนตัวลงเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในอียิปต์ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากธนาคารกลางยุโรปที่ตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ตัวเลขเงินเฟ้อในยูโรโซนยังสูงกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางก็ตาม โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซนพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน และสูงกว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ระดับต่ำกว่า 2%
การคงอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปทำให้น้ำหนักของกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้นั้น ลดน้อยลงไปด้วย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนม.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดัยต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 หรือในรอบเกือบสองปี สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนม.ค.จะดีดตัวขึ้นแตะ 9.5%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนธ.ค., งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.