นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เผยรัฐบาลอาจยกเลิกแผนนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขล็อตใหม่จำนวน 1.2 แสนตัน หากตรวจพบโรงกลั่นน้ำมันปาล์มไม่ยอมรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดน้ำมันปาล์มในประเทศ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ราคาผลปาล์มตกต่ำลงหลังโรงสกัดน้ำมันปาล์มหยุดรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร โดยขณะนี้ได้สั่งการให้ รมว.พาณิชย์ กำชับให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดตามปกติ
"รัฐบาลจะยกเลิกการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจำนวน 1.2 แสนตันทันที เพราะได้รับรายงานว่าโรงกลั่นหยุดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัด ทำให้โรงสกัดต้องหยุดรับซื้อผลปาล์มดิบจากชาวสวน จนเกิดความเดือดร้อนเพราะราคาผลปาล์มตกต่ำลง"นายไตรรงค์ กล่าว
สำหรับปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำนั้น หลังจากหารือกับชาวสวนปาล์มแล้วได้ข้อสรุปว่า หากราคาลดลงเหลือกิโลกรัมละ 7 บาทก็ยังพอรับได้ เพราะต้นทุนการปลูกที่แท้จริงอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 3 บาทเศษ แต่รัฐบาลต้องดูแลไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้อีก โดยผลผลิตปาล์มล็อตใหม่จะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือน เม.ย.หรือ พ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์น้ำมันปาล์มขาดแคลนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังเกิดผลกระทบจากภัยธรรมชาติจนทำให้ผลปาล์มสดลดลงถึง 40%
นายไตรรงค์ กล่าวว่า ยังได้หารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เพื่อให้กำชับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข ล็อตใหม่จำนวน 1.2 แสนตันให้เหมาะสมด้วย เพราะนอกจากผู้บริโภคทั่วไปและผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร โรงแรม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และธุรกิจไก่ปรุงสุกเพื่อการส่งออกที่ต้องการใช้น้ำมันปาล์มจำนวนมากแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ต้องการใช้น้ำมันปาล์มด้วยเช่นกัน ดังนั้นต้องดูแลเรื่องการจัดสรรโควตาให้เป็นธรรมด้วย
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ ครม.เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผลปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมอีก 5 ข้อ นอกเหนือจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข ล็อตใหม่จำนวน 1.2 แสนตัน เพราะต้องการที่จะดูแลกลไกตลาดให้สามารถทำงานได้ตามปกติเท่านั้น