"เบอร์นันเก้"คาดอัตราว่างงานสหรัฐจะยังสูงและสกัดการเติบโตของเศรษฐกิจ

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 10, 2011 08:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่อาคารแคปิตอล ฮิลล์ ในเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ว่า อัตราว่างงานในสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในระดับสูงในปีนี้

เบอร์นันเก้กล่าวว่า "แม้อัตราว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ตัวเลขดังกล่าวจะยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับสูงในปีนี้ นอกจากนี้ สหรัฐยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะทำให้ตัวเลขการจ้างงานกลับมาอยู่ในระดับที่ปกติได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับลดสต็อกสินค้าในภาคเอกชนและผลกระทบในด้านบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มลดน้อยลง นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงินและการธนาคารของยุโรปยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐด้วย"

"แม้มีสัญญาณบ่งชี้ ตัวเลขการใช้จ่ายและการผลิตในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ตัวเลขสถิติยังระบุว่า ในช่วงปี 2551-2552 จำนวนคนว่างานในสหรัฐมีอยู่มากกว่า 8 ล้านคน และในปี 2553 ภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงานเพียง 1 ล้านตำแหน่งเท่านั้น" เบอร์นันเก้กล่าว

อัตราว่างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ9.5% ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง

เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าระดับที่เฟดกำหนดไว้ในระยะยาว แม้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม พร้อมระบุว่า นอกเหนือจากการรักษาเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพแล้ว ภารกิจหลักๆของเฟดคือการเร่งเพิ่มการสร้างงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า สถานะการคลังที่อ่อนแอของรัฐบาลสหรัฐเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งทำให้การจัดเก็บรายได้จากภาษีลดน้อยลงไปด้วย

"ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของรัฐบาลจะส่งผลให้ตัวเลขหนี้สินในต่างประเทศของสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อผลผลิต, รายได้ และมาตรฐานการครองชีพของชาวอเมริกัน นอกจากนี้ การที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเรื่องความสามารถในการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ก็จะยิ่งทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนมากขึ้น และความล้มเหลวในการผลักดันแผนการปรับลดงบประมาณจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย" เบอร์นันเก้กล่าว

ในระหว่างที่เบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจนั้น นายพอล ไรอัน ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งสภาคองเกรส ได้กล่าวแสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาล 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ และกระตุ้นให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของเบอร์นันเก้ ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ และได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ