นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้(11 ก.พ.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาช่วยชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกรอบจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ส่วนจะช่วยอุดหนุนในจำนวนเท่าใดนั้นยังไม่สามารถระบุวงเงินได้ เพราะต้องขึ้นกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ วงเงินจำนวน 5,000 ล้านบาท ในกองทุนน้ำมันฯ ที่นำมาใช้ในการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้ราคาเกิน 30 บาท/ลิตรนั้น ขณะนี้เหลือไม่ถึง 1,000 ล้านบาท หรือใช้ได้อีกไม่เกิน 3 วัน ประกอบกับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังมีเงินเหลืออยู่อีกราว 22,000 ล้านบาท แต่กองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระต้องชดเชยการส่งเสริมพลังงานทดแทนการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG), การสนับสนุนรถแท็กซี่ LPG มาเป็น NGV ซึ่งทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลออก 5,000 ล้านบาท/เดือน หรือราว 165 ล้านบาท/วัน
ดังนั้น หากรัฐบาลจะนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีก 5,000 ล้านบาท จะทำให้สามารถชดเชยได้ไม่เกิน 5 เดือนเท่านั้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายนำค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาใช้ในการชดเชยการนำเข้า LPG แต่ต้องใช้เวลานานในการแก้ไขกฎหมาย จึงเสนอให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 55 มาชดเชยส่วนต่างการนำเข้า LPG เพื่อพยุงราคา LPG ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งในระยะสั้น
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม กพช.ครั้งนี้ คาดว่าจะหยิบยกเรื่องการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันขึ้นมาหารือกัน เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เก็บภาษีสรรพสามิตประมาณ 2 บาท/ลิตร มาตั้งแต่เดือนพ.ค.52 ส่วนการปรับขึ้นราคา LPG และ NGV หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ จะมีการหารือกันอีกครั้งในที่ประชุม กพช.วันที่ 23 ก.พ.
ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง โดยราคาน้ำมันดิบตะวันออกกลางอยู่ในระดับเกือบ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ดีเซลและเบนซินสูงเกิน 110 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากยังคงมีปัญหาในอียิปต์และอากาศที่ยังคงหนาวเย็น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อนอยู่ในระดับสูง ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการคงนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร จะต้องหาเงินมาช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเติม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายที่จะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศอีก 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เชื่อว่า วงเงินที่นำมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ไม่น่าจะสูงเท่ากับปี 47-48 เพราะคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง หลังผ่านพ้นเดือนก.พ.แล้ว หลังอากาศเริ่มอุ่นขึ้นและสถานการณ์ในอียิปต์คลี่คลายลง ประกอบกับในช่วงปี 47-48 รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันไว้ในระดับต่ำทำให้ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการเข้าไปชดเชยราคา
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV) นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาความชัดเจนในเรื่องต้นทุนราคา NGV ซึ่งปัจจุบัน ปตท.มีต้นทุนอยู่ที่ 15 บาท/ลิตร ขณะที่รัฐบาลยังคงตรึงราคาหน้าสถานีบริการอยู่ที่ 8.50 บาท/ลิตร และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคา NGV ให้อีก 2 บาท/ลิตร แต่ไม่เพียงพอ ซึ่งการปรับราคา NGV ขึ้นอยู่กับภาครัฐ แต่หากปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น ปตท.อาจไม่สามารถรับภาระต่อไปได้ เพราะ ปตท.มีภาระต้องลงทุนด้านอื่นๆ
อย่างไรก็ดี คาดว่าปีนี้ ปตท.จะขาดทุนจากการตรึงราคา NGV ประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ปตท.จะยังลงทุนขยายสถานีบริการ NGV เพิ่มขึ้นเป็น 500 สถานีภายในปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับแผนการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือ ปตท. ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโดยยังเป็นไปตามแผนเดิมที่จะสามารถควบรวมกิจการได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้