นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมระหว่างกรมการค้าภายในกับผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม ทั้งโรงสกัด โรงกลั่น รวมถึงห้างค้าปลีกสมัยใหม่(โมเดิร์นเทรด) ได้หารือถึงการกระจายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดให้ถึงมือประชาชนอย่างเพียงพอ ไม่เกิดการกักตุนและแห่ซื้อมากเกินความจำเป็น
รวมถึงขอความร่วมมือให้โรงกลั่นรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรในประเทศ หลังจากโรงกลั่นได้รับจัดสรรโควตานำเข้าน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรก 30,000 ตันจากองค์การคลังสินค้า(อคส.) เพื่อนำมาบรรจุขวดสำหรับบริโภคแล้วไม่ยอมรับซื้อผลผลิตในประเทศจนส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดลดต่ำลงมากในขณะนี้ ทั้งนี้จะมีการทำบันทึกความเช้าใจ(เอ็มโอยู) ระหว่างกันด้วย เพื่อไม่ให้โรงกลั่นทำผิดเงื่อนไข
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาการปรับขึ้นราคาน้ำมันพืชบริโภค ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง กระทรวงพาณิชย์คงต้องหามาตรการบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการยังสามารถขายตามราคาควบคุมไปก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากไปกว่านี้ พร้อมกันนั้นอาจให้ อคส.นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตแล้วบรรจุขวดขายเองตามราคาควบคุม ซึ่งอาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยได้
ส่วนปัญหาการขายไข่ไก่แบบชั่งกิโลที่ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนนั้น นางพรทิวา กล่าวว่า รัฐบาลก็คงต้องเดินหน้าทำต่อจนกว่าจะครบช่วงการประเมินผล 3 เดือน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะรายงานให้รัฐบาลทราบถึงผลตอบรับของประชาชน เมื่อถึงเวลานั้น รัฐบาลอาจให้ยกเลิกหรือเดินหน้าต่อก็ได้ เพราะการขายไข่แบบนี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชนในการลดค่าครองชีพ
"รัฐบาลไม่สามารถบังคับประชาชนได้ว่าต้องมาซื้อไข่แบบชั่งกิโล เป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ถ้าประชาชนไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ก็อยู่ที่ว่าเมื่อรัฐบาลเห็นผลตอบรับของประชาชนแล้ว จะเอาอย่างไร เดินหน้าต่อหรือล้มไป ไม่มีใครทำอะไรสำเร็จทุกอย่างแน่นอน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรให้ประชาชนเลย" นางพรทิวา กล่าว