ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) ขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและคงขนาดโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 3.15 แสนล้านดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3600 ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.3730 ยูโร และขยับขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6095 ปอนด์ จากระดับ 1.6102 ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.290 เยน จากระดับของวันพุธที่ 82.380 เยน และพุ่งขึ้น 1.22% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9691 ฟรังค์ จากระดับ 0.9574 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.84% แตะที่ 1.0028 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0113 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.15% แตะที่ 0.7627 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7716 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 ก.พ. ลดลง 36,000 ราย แตะระดับ 383,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ค.ปี 2551 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. 2553 ปรับตัวขึ้น 1% แตะที่ 4.305 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคค้าส่งของสหรัฐมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น
ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลโปรตุเกส ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของโปรตุเกสและเสถียรภาพของยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม ยูโรสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบีได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในยูโรโซนที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่กำหนดอัตราเงินเฟ้อไว้ต่ำกว่า 2%
ส่วนค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจคงขนาดของโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ (3.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.