นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายจุนอิจิ มิโซโนอุเอะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ และกรรมการหอการค้าญี่ปุ่น ว่า การหารือในครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มนักลงทุนอย่างแท้จริง รวมทั้งนำปัญหาและอุปสรรค ไปประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น
ด้านนายจุนอิจิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งน่าลงทุนในสายตาของบริษัทญี่ปุ่น เพราะไทยมีปัจจัยสำคัญมากมายที่ช่วยดึงดูดการลงทุน อาทิ ความพร้อมของสาธารณูปโภค แรงงานที่มีคุณภาพและค่าจ้างไม่สูงนัก นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ดี และมีบริการให้คำปรึกษาแก่บริษัทญี่ปุ่น อีกทั้งในปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นจำนวนมาก ที่ไม่เคยไปลงทุนนอกประเทศมาก่อน มาขอรับคำปรึกษาจากหอการค้าญี่ปุ่น ถึงโอกาสการลงทุนในประเทศไทย จึงสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของบริษัทญี่ปุ่น ทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอี
อย่างไรก็ตาม มองว่า สภาพแวดล้อมการลงทุนของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 2015 จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะทำให้บริษัทญี่ปุ่นมีทางเลือกในการออกไปลงทุนมากขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนให้แข่งขันกับประเทศอื่นได้ตลอดเวลา เช่น เรื่องกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ
ประเด็นที่นักลงทุนญี่ปุ่นขอให้บีโอไอช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลนและปัญหาการพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงระบบภาษีของไทย และความคืบหน้าของการแก้ไขพระราชบัญญัติศุลกากร เป็นต้น ซึ่งบีโอไอได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือด้วย และจะมีการนำข้อเสนอของหอการค้าญี่ปุ่น กลับไปพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ นักลงทุนญี่ปุ่น เป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 มีจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น รวม 363 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 104,422 ล้านบาท จำนวนโครงการปรับเพิ่ม 36.4% เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 266 โครงการ ในขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 34.9% เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 77,380 ล้านบาท
สำหรับในเดือนมกราคม 2554 มีโครงการลงทุนจากญี่ปุ่น ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 39 รวมมูลค่าเงินลงทุน 12,994 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนโครงการมากกว่าในเดือนมกราคม ปี 2553 ถึง 15 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุนมากกว่ามกราคม ปี 2553 กว่า 4,000 ล้านบาท