นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และ Mr. KunioSenga,Director General, South East Asia Department จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ร่วมลงนามในสัญญาเงินกู้ Capital Market Development Program (CMDP) วงเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้ในการสนับสนุนการดำเนินโครงการต่างๆ ตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และโครงการลงทุนภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
สำหรับวงเงินกู้ CMDP ดังกล่าว มีระยะเวลาการกู้ 15 ปี (รวมระยะเวลาปลอดการชำระหนี้ต้นเงินกู้ 3 ปี) อัตราดอกเบี้ยรายปีคำนวณโดยอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ และมีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ร้อยละ 0.15 ต่อปีของยอดเงินกู้คงค้างที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย
ทั้งนี้ ADB ให้เงินกู้แก่ประเทศไทยทั้งภาครัฐและเอกชนนับตั้งแต่ปี 2511 ถึงปัจจุบันจำนวน 89 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 5,757.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลัก เช่น สาธารณูปโภค, สาธารณูปการ, พลังงาน, คมนาคม, การศึกษา และภาคการเงิน
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้ (สบน.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมลงนามกู้เงินจากธนาคารกลาง ในช่วงกลางปี 54 วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีระยะเวลาเงินชำระเงินกู้ 20 ปี ปลอดการชำระต้นเงินกู้ 8 ปี
ทั้งนี้การกู้เงินจากเอดีบี และธนาคารโลก เป็น Develop Programe Loan (DPL) โดยเป็นวงเงินที่เสนอขอจากสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี 52-53 แบ่งเป็นการกู้เงินจากเอดีบี 300 ล้านดอลลาร์ และธนาคารโลก 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ใน 3 เงื่อนไข คือ 1. เพื่อใช้ในโครงการลงทุนของรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ 2. เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องสถาบันการเงิน 3. ใช้ในโครงการไทยเข้มแข็ง
"เบื้องต้นเงินกู้ดังกล่าวจะนำไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนที่จำเป็นที่ต้องใช้เป็นเงินตราต่างประเทศ ตอนนี้มีโครงการที่ตกค้างจากก่อนหน้านี้หลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการของการรถไฟเพราะช่วงแรกมีการกู้เงินไม่ทัน...ปัจจุบันยังบอกไม่ได้ว่าจะใช้โครงการใดบ้าง ต้องนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองก่อน" นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว
โดยเงินกู้จาก ADB วงเงิน 300 ล้านดอลลาร์นี้ คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.373% คิดจากไลบอร์ +0.20 ถึง 0.28%