รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยมีประเด็นร้อนเกี่ยวกับเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) แล้ว
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี จะรายงานผลการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว เพื่อพิจารณามาตรการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานกรรมการปฏิรูป เสนอแนวทางการปฏิรูปและการจัดการที่ดินเพื่อการเกษตร 5 ข้อ ได้แก่ 1.ให้มีการจำกัดเพดานการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรไว้ไม่เกิน 50 ไร่ต่อครัวเรือน 2.ให้มีการจัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรทั้งประเทศเป็นข้อมูลสาธารณะ 3.ให้จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดินเพื่อการเกษตร 4.ให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้าที่ดินต่ำขนาดกว่า 10ไร่ให้เสียภาษี 0.03% ที่ดิน 10-50 ไร่ เสียภาษี 0.1% ส่วนที่ดินปล่อยทิ้งร้างหรือเกินจาก 50% ให้เสียภาษีอัตราก้าวหน้าสูงถึง 5% และ 5.ให้มีการกำหนดเขตการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เสนอให้ความเห็นชอบร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 มีเป้าหมายเพิ่มอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15 อันดับ หรือติด 1 ใน 5 ของเอเชีย รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5%
กระทรวงวัฒนธรรม เสนอจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม(ศูนย์คุณธรรม) เป็นองค์การมหาชน และโอนย้ายจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) หรือ สบร.มาอยู่ในกำกับของ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม โดยขอบเขตและแนวทางการทำงานของศูนย์คุณธรรม เช่น ส่งเสริมการรวมพลังและขบวนทางสังคม การจัดประชุมสมัชชาคุณธรรม รวมทั้งการสนับสนุนการศึกษา วิจัย ค้นคว้า สร้างองค์ความรู้ใหม่ รวบรวมองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ บริหารจัดการความรู้และเป็นศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาคุณธรรมความดีรูปแบบต่างๆ
และ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เสนอแต่งตั้งนายทรงภพ พลจันทร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ขึ้นเป็นอธิบดีฯ และแต่งตั้งผู้ตรวจราชการอีก 1 ตำแหน่ง โดยเป็นข้าราชการที่ย้ายมาจากระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มแพงและขาดตลาด โดยจะเสนอขอจัดสรรเงินงบ 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายชดเชยส่วนต่างให้กับผู้ประกอบการเพื่อกดราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดให้อยู่ในราคาควบคุมที่ 47 บาท
กระทรวงการคลัง เสนอปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ โดยมีวงเงินปรับลดลง 4.9 พันล้านบาท จากเดิม 1.2 แสนล้านบาท
กระทรวงคมนาคม เตรียมขอความเห็นชอบร่างข้อกำหนดว่าด้วยเขตก่อสร้างสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ - ห้วยทราย
กระทรวงศึกษาธิการ เสนอขอคืนอัตราพี่เลี้ยงเด็กพิการเพิ่มเติม จำนวน 14,184 อัตรา ใช้งบ 907 ล้านบาท เพื่อทำงานร่วมกับผู้สอนในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และโรงเรียนที่จะศึกษาร่วม โดยเสนอปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ขั้นสูง และการได้รับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
นอกจากนี้ กระทรวงไอซีทีจะรายงานผลการเจรจากับภาคเอกชนผู้รับสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่และดาวเทียมเกี่ยวกับผลสอบสวนตามมาตรา 13 และมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535(พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ)