นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่ได้สนใจที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชน เพราะมัวสนใจแต่เรื่องจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสุขภายในประเทศให้เป็นความทุกข์ของประชาชน และเปลี่ยนสันติภาพในภูมิภาคให้เป็นสงคราม ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น เพราะมีการปรับขึ้นค่าแรงเพียงไม่กี่บาทแต่กลับปล่อยให้มีการขึ้นราคาสินค้าเกือบเท่าตัว ดังนั้นหากรัฐบาลยังบริหารแบบนี้ต่อไปประเทศจะไม่มีอนาคต
ด้านนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า มีนักการเมืองหลายคนที่มีธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มได้สั่งซื้อน้ำมันปาล์มไปกักตุน ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลน ซึ่งไม่ได้เป็นผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ที่มีน้ำมันปาล์มกักตุนอยู่เกินกว่าที่กำหนดไว้จำนวนมากจนทำให้น้ำมันปาล์มในตลาดขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น
ส่วนน้ำมันปาล์มที่สั่งเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้นก็สั่งซื้อเข้ามาขณะที่มีราคาถูกและขายออกไปในช่วงที่ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศมีราคาแพง ทำให้ประชาชนต้องเป็นผู้รับเคราะห์ ดังนั้นอยากให้นายกรัฐมนตรีดูแลและควบคุมให้เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริงด้ว
ขณะที่ นส.เบญจวรรณ จันทระ คณะทำงานเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า น้ำมันปาล์มที่รัฐบาลจะนำเข้ามาอีก 1.2 แสนตันนั้น ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ผลปาล์มในประเทศจะออกสู่ตลาด ดังนั้นจะทำให้ราคาปาล์มของเกษตรกรตกต่ำทันที ส่วนสต็อกน้ำมันปาล์มที่มีความผิดปกตินั้นรัฐบาลกลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบใดๆ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด