สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคม ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% จากระดับ 3.7% ในเดือนธันวาคม ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และนับเป็นอีกหนึ่งเดือนที่เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 2%
สำนักงานสถิติระบุในแถลงการณ์ว่า 2 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค. ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 คือการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 17.5% เป็น 20% ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ อย่างต้นทุนการขนส่ง ร้านอาหาร โรงแรม เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ตัวเลข CPI ที่อยู่ในระดับสูงจะเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ที่ผ่านมาแบงก์ชาติอังกฤษยังมั่นใจว่าการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นเพียงชั่วคราว และไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้
โดยนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ จะต้องส่งหนังสือเปิดผนึกถึงนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษ เพื่ออธิบายถึงแนวโน้มของเงินเฟ้อและมาตรการที่แบงก์ชาติจะนำมาใช้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุด บีบีซีได้รายงานว่า ผู้ว่าการแบงก์ชาติอังกฤษระบุในหนังสือว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 5% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
กฎหมายของอังกฤษกำหนดให้ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษต้องเขียนหนังสือชี้แจงถึงรมว.คลังทุกๆ 3 เดือน ถ้าอัตราเงินเฟ้ออยู่เหนือระดับเป้าหมาย ซึ่งในปีที่แล้วนาย เมอร์วิน คิง ได้เขียนหนังสือชี้แจงถึงรมว.คลังถึง 3 ครั้ง