ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ระบุว่า เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เพราะได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนตลอดวัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.03% แตะที่ 1.3487 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3483 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.56% แตะที่ 1.6125 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6036 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.58% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.760 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 83.280 เยน และอ่อนตัวลง 0.33% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9667 ฟรังค์ จากระดับ 0.9699 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.66% แตะที่ 0.9959 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0025 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.66% แตะที่ 0.7515 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7565 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร หรือยูโรโซน ขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 4 ของปี 2553 ซึ่งเท่ากับอัตราขยายตัวในไตรมาส 3 ขณะที่เศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2553 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2553 และสามารถกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปีที่แล้ว หลังจากที่หดตัวถึง 4.1% ในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจูงใจให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนตลอดวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่าย อันเป็นผลมาจากพายุหิมะที่พัดกระหน่ำในหลายพื้นที่ของสหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการว่างงาน รวมทั้งเศรษฐกิจที่ขยายตัวน้อยเกินคาดของสหรัฐ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ของสหรัฐขยายตัวในอัตรา 3.2% ต่อปี ซึ่งแม้ว่าเป็นการขยายตัวมากกว่าระดับ 2.6% ของไตรมาส 3 แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% ส่วนจีดีพีตลอดปี 2553 ของสหรัฐ ขยายตัว 2.9%
ค่าเงินปอนด์อังกฤษได้แรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนม.ค.ของอังกฤษพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี จากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.,ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค.