นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ(BBL) มองว่า ในปีนี้ระบบธนาคาพาณิชย์จะมีการแข่งขันระดมเงินฝากมากขึ้น หลังจากสภาพคล่องในระบบปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สินเชื่อขยายตัวตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อการแข่งขันระดมเงินฝากมีมากขึ้นจะทำให้ต้นทุนการกู้เงินสูงขึ้นตาม ส่วนหนึ่งมาจากการที่ธนาคารมีต้นทุนการเงินสูงขึ้น และจึงต้องผลักภาระไปในส่วนของเงินกู้
"ปีนี้สินเชื่อไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องของเงินฝาก หลังสินเชื่อมีการเติบโตขึ้น การแข่งขันปีนี้จะเน้นการระดมเงินฝากมากขึ้น...เศรษฐกิจมีแรงส่งที่แข็งแรงมาก และขณะนี้แรงส่งสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 4-5% และทำให้สินเชื่อโตตาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และเมื่อสินเชื่อโต เงินฝากก็เป็นประเด็นที่ต้องมีการแข่งขันสูงขึ้น" นายโฆสิต กล่าว
ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพมีฐานเงินฝากประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท มีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ 80% ซึ่งสภาพคล่องส่วนเกินขณะนี้ค่อยๆ ปรับลดลง ทำให้ต้องเตรียมการสำหรับการเพิ่มฐานเงินฝาก แต่สภาพคล่องของธนาคารเองยังอยู่ในระดับที่แข็งแรงดี
อย่างไรก็ดี การที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากที่จะเริ่มมีผลในการคุ้มครองเงินฝากวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาทในเดือน ส.ค.นี้ และจะลดลงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาทในปีหน้านั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้มีการแข่งขันระดมเงินฝากเท่านั้น แต่มองว่าปัจจุบันสถาบันการเงินของไทยมีความเข้มแข็งและมีความสามารถที่จะรองรับการเติบโตได้
นายโฆสิต ยังมองว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนั้น เชื่อว่าในระยะถัดไปการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามทันที จากก่อนหน้านี้ที่จะทิ้งช่วงเวลาหนึ่งก่อนปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม
พร้อมเชื่อว่า ธปท.ยังคงติดตามการปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์เพื่อไม่ให้เกิดการเร่งตัวในการเติบโตของสินเชื่อในระบบ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟองสบู่ และส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ
ส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพปีนี้ จะเน้นในทุก sector และมองว่าจะมีความต้องการสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นฐานราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ส่วน Real Investment ก็ยังอยู่ในกระบวนการอนุมัติสินเชื่อทั้งในส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในมาบตาพุด