กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ต่างชาติได้ถือครองตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 25.8% แตะที่ 4.37 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.2553 อย่างไรก็ตาม จีนได้ลดการถือครองตราสารหนี้ของสหรัฐติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
รายงานความเคลื่อนไหวของทุนระหว่างประเทศ (TIC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความต้องการถือครองพันธบัตรและสินทรัพย์ประเภทอื่นๆของสหรัฐ รวมถึงหุ้นและตราสารหนี้ของรัฐบาล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่สหรัฐใช้ในการระดมทุนเพื่อลดการขาดดุลกับประเทศอื่นๆทั่วโลก
TIC ระบุว่า จีนซึ่งเป็นผู้ถือครองตราสารหนี้ระยะยาวรายใหญ่สุดของสหรัฐ ได้ลดการถือครองลงมาอยู่ที่ระดับ 8.916 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. จากระดับ 8.956 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ถือครองตราสารหนี้รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ได้เพิ่มการถือครองอีก 6.4 พันล้านดอลลาร์ เป็น 8.836 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่อังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ถือครองตราสารหนี้รายใหญ่อันดับ 3 ได้เพิ่มการถือครองเป็น 5.413 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 5.118 แสนล้านดอลลาร์
ยอดการถือครองตราสารหนี้ของสหรัฐเป็นข้อมูลที่นักลงทุนจับตาดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันมีความเชื่อมากขึ้นว่าการพุ่งขึ้นของหนี้สินสหรัฐเป็นสถานการณ์ที่ไม่ยั่งยืน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2553 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 1.65 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2554