สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่าเกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเยเมนและลิเบีย นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากจีนและอังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดบวก 1.00 ดอลลาร์ แตะที่ 1,375.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,368.3 - 1,382.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินเดือนมี.ค.ลดลง 6.70 เซนต์ ปิดที่ 30.629 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 6.6 เซนต์ ปิดที่ 4.47 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,834.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 838.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้าซื้อทองคำหลังจากมีรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากในเยเมนและลิเบียได้ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่ผู้นำ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลอ้างว่า อิหร่านเตรียมส่งเรือรบ 3 ลำเดินทางผ่านคลองสุเอซเพื่อมุ่งหน้าไปยังซีเรีย
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากจีนและอังกฤษรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนม.ค.ของจีนพุ่งขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในเดือนม.ค.หลังจากราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลจีนในการจัดการกับเงินเฟ้อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ส่วนดัชนีซีพีไอเดือนม.ค.ของอังกฤษ พุ่งแตะ 4.0% จากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนม.ค.ยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และนับเป็นอีกหนึ่งเดือนที่เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 2%
การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศอาจใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงินด้วยการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางจีน ธนาคารกลางอินโดนีเซีย และธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย