สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกถ่านโค้กที่ใช้ในการผลิตเหล็กพุ่งแตะระดับ 55 ล้านตันในปี 2553 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2534
รายงานของ EIA ระบุว่า ผู้ผลิตถ่านโค้กของสหรัฐได้ขยายการส่งออกอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา และการส่งออกได้เพิ่มขึ้นจาก 37 ล้านตันในปี 2552 เป็น 55 ล้านตันในปี 2553 หรือเพิ่มขึ้น 49%
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ยอดการส่งออกของสหรัฐอาจแตะระดับ 65 ล้านตัน ในปี 2554 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นถ่านหินผสมเกรดต่ำ
EIA กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจากการใช้ในประเทศลดลง โดยระดับการส่งออกในปี 2553 สูงเกือบ 3 เท่าของการใช้ถ่านโค้กของโรงงานถ่านโค้กในสหรัฐ ส่วนการที่สหรัฐลดการใช้ถ่านโค้กภายในประเทศลงนั้น เนื่องมาจากการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้แทน เช่น เทคโนโลยีเตาหลอมไฟฟ้า ซึ่งเป็นทางเลือกในกระบวนการผลิตเหล็ก
ในขณะเดียวกัน EIA ระบุว่า กำลังการผลิตเหล็กที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศกำลังพัฒนา บวกกับอุปทานในตลาดโลกที่ตึงตัว (ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพอากาศและการขนส่งที่สะดุดในประเทศผู้ส่งออกรายอื่น) หนุนให้การส่งออกถ่านโค้กของสหรัฐขยายตัวสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน