สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 10 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงทั้งจากปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกและเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลาง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 10 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1385.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,374.60-1,385.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 94.1 เซนต์ ปิดที่ 31.570 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.4 เซนต์ ปิดที่ 4.484 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,844.0 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 843.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ หลังจากสหรัฐดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป พุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
ก่อนหน้าที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาสินค้าเพื่อผู้บริโภคนั้น ทางการจีนและอังกฤษได้เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยมีรายงานว่าเกิดการประท้วงขับไล่ผู้นำในบาห์เรน ลิเบีย และอิหร่าน โดยที่บาห์เรนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้ผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บเกือบ 200 คน