สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเดินหน้าขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,388.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,382-1,392.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 72.6 เซนต์ ปิดที่ 32.296 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2523 และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 14.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 857.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 1,843.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค. ขยับลง 0.2 เซนต์ ปิดที่ 4.4820 ดอลลาร์/ปอนด์
เทรดเดอร์กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก และเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลาง โดยเหตุปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นในลิเบีย เยเมน และบาห์เรน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่อียิปต์ได้อนุมัติคำร้องของอิหร่านที่ขอส่งเรือรบแล่นผ่านคลองสุเอซเพื่อไปยังซีเรีย ท่ามกลางการต่อต้านจากอิสราเอลที่ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการยั่วยุ
ราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นชนวนเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการลุกฮือในตะวันออกกลาง
ขณะที่ความพยายามล่าสุดของจีนในการควบคุมเงินเฟ้อได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองแดง โดยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.นี้เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อและชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
การประกาศเพิ่มเพดานสำรองเงินฝากครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ และยังมีขึ้นเพียง 10 วันหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อีก 0.25%
ขณะเดียวกัน สภาทองคำโลกเปิดเผยวานนี้ว่า ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำในภูมิภาคตะวันออกกลางทะยานขึ้น 39% ในไตรมาสสี่ปีที่แล้ว