ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์ร่วง,ยูโรแข็ง หลังอีซีบีส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 19, 2011 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า ธนาคารอาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.32% เมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 83.050 เยน จากระดับ 83.320 ในวันพฤหัสบดี และอ่อนค่าลง 0.38% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9462 ฟรังค์ จากระดับ 0.9498 ฟรังค์ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 0.9860 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 0.9845

เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.68% ที่ระดับ 1.3694 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3601 ดอลลาร์สหรัฐ และปรับตัวขึ้น 0.36% แตะ 113.74 เยน จากระดับ 113.33 เยน

ขณะที่เงินปอนด์ปรับตัวขึ้น 0.43% แตะ 1.6241 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.6171 ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียบวกขึ้น 0.30% แตะที่ 1.0145 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0115 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.42% แตะที่ 0.7617 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7585 ดอลลาร์สหรัฐ

ลอเรนโซ บินิ สมากิ สมาชิกคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ธนาคารอาจต้องขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวของสมาชิกบอร์ดบริหารอีซีบีส่งผลให้เงินยูโรพุ่ง

ด้านนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวปกป้องนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของเฟดที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเงินเฟ้อ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มจี20 โดยเขาระบุว่า นโยบายดังกล่าวมีอิทธิพลเพียงเล็กน้อยต่อกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่

ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางช่วยหนุนให้สกุลเงินที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยกว่าปรับตัวสูงขึ้น โดยเงินเยนและฟรังค์สวิสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้น 1.9% ในเดือนมกราคม หลังจากร่วงลง 1.4% ในเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังไต่ระดับขึ้น เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นในอังกฤษ อาจบีบให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

โดยแบงก์ชาติอังกฤษได้รับแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยจากระดับ 0.5% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษได้ทะยานขึ้นสู่ระดับ 4.0% ต่อปีในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และสูงกว่าระดับเป้าหมายของแบงก์ชาติอังกฤษที่ 2% อยู่ถึงสองเท่า ซึ่งนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการแบงก์ชาติอังกฤษ กล่าวภายหลังจากนั้นว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ อาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 4-5% ในระยะใกล้ และจะยังคงอยู่เหนือระดับ 2% ตลอดทั้งปี 2554 ก่อนที่จะลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในปีหน้า

ส่วนเงินดอลลาร์แคนาดาร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่รัฐบาลแคนาดาเปิดเผยว่า เงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนมกราคม ซึ่งได้ช่วยลดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางแคนาดาจะขึ้นดอกเบี้ยอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ