นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า สถาบันการเงินของไทยได้ไม่ได้รับผฃลกระทบจากกรณีที่สถาบันการเงินของเกาหลีใต้ถูกสั่งปิดกิจการไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันรวม 7 แห่ง เนื่องจากสถาบันการเงินของเกาหลีใต้ที่ถูกสั่งปิดส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินขนาดเล็ก และแทบไม่มีธุรกรรมซื้อขายกับสถาบันการเงินของไทยเลย
อีกทั้ง ฐานะการเงินของสถาบันการเงินไทยแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS)เฉลี่ยทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 16% อีกทั้งสถาบันการเงินขนาดเล็กอย่างบริษัทเงินทุน(บง.)ที่ขณะนี้มีอยู่ 3 บริษัท ก็มี BIS สูงกว่า 25% ขณะที่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์(บค.) 3 บริษัท ก็มี BIS สูงกว่า 40% เช่นกัน
“แบงก์ที่ถูกสั่งปิดในเกาหลี ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กเทียบได้กับ บง. และ บค. บ้านเรา แต่ของเรามีจุดแข็งกว่าตรงที่ฐานะการเงินค่อนข้างแข็งแกร่ง ซึ่งนอกจากจะมี BIS Ratio ที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังมีสภาพคล่องมากกว่า 30% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 6%" นายสรสิทธิ์กล่าว
ส่วนสาเหตุที่สถาบันการเงินในเกาหลีใต้ถูกสั่งปิดกิจการ เนื่องจากส่วนใหญ่นิยมปล่อยกู้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทำให้สินเชื่อค่อนข้างกระจุกตัว ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซบเซาจึงส่งผลถึงอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย ทำให้สถาบันการเงินเข้าหนี้ประสบปัญหาสภาพคล่อง
สำหรับสถาบันการเงินไทยนั้น นายสรสิทธิ์ ยอมรับว่ามีการปล่อยสินเชื่อที่กระจุกตัวอยู่บ้าง โดยสินเชื่อส่วนใหญ่นิยมปล่อยให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธปท. ก็ได้ออกมาตรการดูแลในเรื่องเหล่านี้แล้ว อีกทั้งฐานะการเงินของสถาบันการเงินไทยก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง จึงไม่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มากนัก