นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมฯมีมติแนวทางการแก้ปัญหาน้ำมันปาลฺมขาดแคลนในระยะเร่งด่วนให้จัดหาน้ำมันปาล์มจำนวน 1.5 หมื่นตันเพื่อมาผลิตขายให้ผู้บริโภค
ทั้งนี้ 1 หมื่นตันแรกจะเป็นการรับซื้อผลปาล์มจากเกษตกรในประเทศ และอีก 5 พันตันมาจากการยืมกระทรวงพลังงานที่เตรียมไว้ทำไบโอดีเซล ภายใน 15 วัน ต้นทุนอยู่ที่ 44 บาท เพื่อให้จำหน่ายในราคา 47 บาท/ลิตร โดยรัฐจ่ายชดเชยให้ในราคาลิตรละ 9.50 บาท
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการฯยังคงมติเรื่องการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจากต่างประเทศ 1.2 แสนตัน โดยให้สมาคมโรงกลั่นนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขล็อตแรก 3 หมื่นตันภายใน 15 วันนับจากนี้ โดยให้ อคส.เป็นผู้กำกับดูแลเพื่อนำมาผลิตน้ำมันปาล์ม จะชดเชยให้ 5 บาท/ลิตร
ดังนั้น คาดว่าจะใช้เงินชดเชยทั้งสองส่วนประมาณ 200 ล้านบาท
"คณะกรรมการฯยังคงมติเรื่องการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไข 1.2 แสนตัน แต่ปริมาณที่จะนำเข้าหลังจากนี้จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อรักษาสมดุลผลผลิตในประเทศที่กำลังจะออกมาในเดือนมี.ค.นี้ โดยคณะกรรมการฯจะประชุมบ่อยขึ้นเพื่อประเมินและติดตามสถานการณ์ โดยนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 8 มี.ค.นี้ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินก็จะเรียกประชุมทันทีแ
นายสุเทพ กล่าวว่า จะมีการประกันราคารับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรในอัตรากิโลกรัมละ 7 บาท แต่จะมีการรณรงค์ให้เกษตรกรเก็บผลปาล์มสุก เพื่อให้มีปริมาณน้ำมันที่ระดับ 17-18%
สำหรับน้ำมันปาล์มล็อตใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายจะเปลี่ยนสีจุกใหม่ คาดว่าจะเป็นฝาจุกสีชมพู และขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะห้ามส่งออก เนื่องจากราคาในตลาดโลกอยู่ที่ลิตรละ 37 บาท ขณะที่ราคาภายในประเทศอยู่ที่ลิตรละ 50 บาท
นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาครั้งนี้ ได้นำข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารของกระทรวงพาณิชย์มาเป็นตัวตั้ง แล้วเสริมวิธิการต่างๆเพื่อให้เกิดความรอบคอบ
ส่วนผลผลิตปาล์มดิบที่คาดว่าจะออกมาในช่วงเดือนมี.ค.นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 3.8 แสนตันผลปาล์มดิบ หรือสามารถผลิตเป็นน้ำมันปาล์มได้ 7 หมื่นตัน