นายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) คาดว่า น้ำมันปาล์มจุกสีชมพู ที่ผลิตจากผลผลิตในประเทศ 15,000 ตัน จะออกวางขายได้วันแรกวันที่ 28 ก.พ.นี้
ในส่วนโควตาการนำเข้าน้ำมันปาล์มรอบ 2 จำนวน 30,000 ตันนั้น ขณะนี้ทางสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มได้ส่งแผนการจัดสรรโควตามาให้แล้ว โดยพิจารณาจัดสรรตามศักยภาพการผลิต การตลาด และเงินทุน ซึ่งบริษัทที่ได้โควตามากสุด คือ บริษัท มรกต อินดัสตรี้ส์ จำกัด ภายใต้ยี่ห้อมรกต ได้โควจาจำนวน 6,000 ตัน
รองลงมาเป็น บมจ. ล่ำสูง (ประเทศไทย) หรือ (LST) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "หยก" , บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ผู้ผลิตน้ำมันพืชยี่ห้อดอกบัว และบมจ. ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (CPI) ยี่ห้อลีลา ได้เท่ากันราย ละ 4,000 ตัน ส่วนที่เหลือเป็นบริษัท โอลีน จำกัด ได้โควตาจำนวน 3,800 ตัน บริษัท สุขสมบูรณ์น้ำมันพืช จำกัด ได้โควตา 3,000 ตัน บริษัท ปาล์มออย เอ็นเนอร์ยี่ อินดัสทรี จำกัด ได้รับโควตา 2,000 ตัน บริษัท กลุ่มปาล์มธรรมชาติ จำนวน 1,500 ตัน บริษัท ที เอส อุตสาหกรรมน้ำมัน จำกัด จำนวน 1,200 ตัน และบริษัท เหล่าธงสิงห์ จำกัด จำนวน 500 ตัน
"การจัดสรรโควตาครั้งนี้ แต่ละรายได้ปริมาณใกล้คียงกับครั้งก่อน ตามแผนเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มจะเข้าเทียบท่าได้วันที่ 7 มี.ค.นี้ และเริ่มผลิตน้ำมันปาล์มจุกสีชมพูทั้ง 22 ล้านขวด ได้ประมาณวันที่ 10 มี.ค."นายอนุกูล กล่าว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 8 มี.ค.ว่า ยังมีความจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มที่เหลืออีก 90,000 หมื่นตันหรือไม่ เนื่องจากผลผลิตปาล์มในประเทศจะเริ่มออกสู่ตลาด และคาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลก ก็จะเริ่มปรับตัวลดลงด้วย