นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ปตท.จะยังไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ ถึงแม้ว่าค่าการตลาดจะอยู่ในระดับต่ำเพียงลิตรละ 30 สตางค์ โดยจะขอรอดูท่าทีของกระทรวงพลังงานก่อน และคงจะไม่ให้ราคาขายปลีกมีส่วนต่างจากผู้ค้ารายอื่นมากนัก เพราะหากต่างมากเกินไปอาจทำให้ไม่มีน้ำมันจำหน่ายได้เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ นายประเสริฐ แสดงความเป็นห่วงกรณีที่รัฐบาลยังคงนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพราะอาจทำให้ต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่รู้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงเมื่อใด
ส่วนมาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)และก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(เอ็นจีวี) เห็นว่าราคาในขณะนี้ต่ำเกินไป ซึ่งคงต้องรอว่าหลังจากสิ้นสุดมาตรการในเดือน มิ.ย.54 รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป
นายปรเสริฐ กล่าวยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่อาจลุกลามไปยังประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมาย ทำให้ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 110-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับกว่า 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว
ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ เชื่อว่าคงไม่ปรับขึ้นไปถึงที่ระดับ 50 บาท/ลิตร โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะมีผลต่อต้นทุนราคาขายปลีกในประเทศ 20 สตางค์/ลิตร ถ้าปรับขึ้น 20 เหรียญสหรัฐจะทำให้ต้นทุนขายปลีกในประเทศเพิ่มขึ้น 4 บาท/ลิตร
ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) บอกว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับสูง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดจากปัญหาการประท้วงที่เกิดขึ้นในประเทศลิเบีย โดยราคาน้ำมันจะยังไม่มีแนวโน้มปรับลดลงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้น หากภาครัฐต้องการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ให้อยู่ที่ลิตรละ 30 บาทต่อไป ก็ควรหามาตรการอื่นมาช่วย เช่น เพิ่มเงินชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงชั่วคราว