สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.พ.เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะที่ 346.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 391,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 413,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ร่วงลงสู่ระดับ 402,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2553 หลังจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.ร่วงลง 12.6% แตะที่ 284,000 ยูนิต จากระดับ 325,000 ยูนิตของเดือนธ.ค.ปี 2553 นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนม.ค.ปีนี้ยังอยู่ในระดับต่ำเดือนม.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 349,000 ยูนิต ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา
-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของญี่ปุ่นลดลง 0.2% ในเดือนมากราคม เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 23 นับเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง
-- ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ในเมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นแตะ 113 ราย ขณะที่มีผู้สูญหายประมาณ 200 ราย
-- ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือนม.ค.อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 230 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงอย่างมากจากระดับของเดือนธ.ค. 2553 ที่ 2.11 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการเพิ่มปริมาณการนำเข้าน้ำมัน
-- โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป บริษัทรถยนต์อันดับ 1 ของโลกเผย ยอดการผลิตรถทั่วโลกในเดือนม.ค.ร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำในประเทศญี่ปุ่น
-- ผลสำรวจของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นในเดือนก.พ.หลังจากที่หยุดชะงักไปเมื่อเดือนม.ค.
-- นายเบอร์นาร์ด ดอมปอค รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์ของมาเลเซีย กล่าวว่า ความต้องการของตลาดน่าจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 3,000 ริงกิต (983.6 ดอลลาร์) ต่อตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 11% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยที่ 2,701 ริงกิต (885.6 ดอลลาร์) ในปีที่แล้ว