เงินดอลลาร์ดีดตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและฟรังค์สวิสในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบเริ่มคลายความผันผวนมาเคลื่อนไหวในระดับที่มีเสถียรภาพ
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์แตะที่ 0.9284 ฟรังค์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.9260 ฟรังค์ ส่วนค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.43% แตะที่ 1.3743 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3803 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.24% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ 1.6116 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6138 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์อ่อนค่า 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 81.640 เยน จากระดับ 81.910 เยน
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.81% แตะที่ 1.0174 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0092 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.37% แตะที่ 0.7504 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7476 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยหนุนของราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เงินฟรังค์สวิสพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากนักลงทุนมองว่าเงินฟรังค์มีความปลอดภัยและให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในยามที่สถานการณ์ตึงเครียดในลิเบียและตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์เลวร้ายในลิเบียเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งค่าเงินดอลลาร์ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่หลายฝ่ายยังคงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางในประเทศยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อาทิ ยุโรป และประเทศกำลังพัฒนาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อควบคุมการขยายตัวของเงินเฟ้อ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนต่อสกุลเงินในประเทศนั้นๆ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ