สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศตะวันออกกลางและลิเบีย นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 1,409.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,407.90-1,417.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 89.7 เซนต์ ปิดที่ 33.820 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 4.2 เซนต์ ปิดที่ 4.478 ดอลลาร์/ปอนด์
ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ทรงตัวที่ 1,803.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 799.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์จาก PFGBEST กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ พร้อมกับแสดงความวิตกกังวลว่าภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในลิเบียอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอีกและอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำซึ่งเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและความตึงเครียดด้านการเมือง"
เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ รวมทั้งความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ได้หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 5.9% ในเดือนก.พ. ส่วนในปี 2553 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดยรวม 30% และทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,432.5 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.