นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเผชิญกับข้อซักถามเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ในระหว่างการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสสหรัฐในคืนวันอังคารและวันพุธ ณ อาคารแคปิตอล ฮิลล์
นักวิเคราะห์คาดว่า เบอร์นันเก้จะแถลงปกป้องการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ไปจนถึงช่วงกลางปีนี้ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงาน และคาดว่าเบอร์นันเก้จะไม่ให้น้ำหนักกับกระแสความวิตกกังวลที่ว่า ราคาพลังงานและอาหารที่แพงขึ้นจะส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เบอร์นันเก้จะแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเร็วขึ้นในปีนี้ แต่เบอร์นันเก้ก็อาจจะยอมรับว่าเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้ และอาจจะระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่สามารถฟื้นตัวอย่างเต็มที่ได้จนกว่าตัวเลขจ้างงานจะฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจุบันอัตราว่างงานของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 9%
ในการประชุมเมื่อเดือนพ.ย.ปี 2553 คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐ มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยทยอยซื้อในสัดส่วน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.2554 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้จะแถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายบริการด้านการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธ