พาณิชย์ เตรียมเสนอสภาเห็นชอบความตกลงการค้าไทย-อินโดนีเซีย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 2, 2011 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบการลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียแล้ว เร็วๆ นี้กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอต่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ไทยสามารถไปลงนามความตกลงดังกล่าวกับอินโดนีเซีย ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 19 ได้ในเดือนต.ค.นี้ โดยหากมีผลบังคับใช้แล้ว จะมีระยะเวลาการบังคับใช้ 3 ปี เมื่อสิ้นสุดแล้วจะได้รับการต่ออายุออกไปโดยอัตโนมัติทุกๆ 3 ปี

สำหรับความตกลงดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือ ไทยและอินโดนีเซียจะให้การปฎิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่งแก่อีกฝ่ายหนึ่ง (การปฏิบัติที่เท่าเทียมกันของคนในชาติแก่อีกฝ่ายหนึ่ง) มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของกันและกัน รวมถึงจัดกิจกรรมทางการค้าและเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อขยายและพัฒนาการค้าระหว่างกัน มีการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามความตกลงอย่างฉันท์มิตร

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศยังสามารถใช้มาตรการปกป้อง (เซฟการ์ด) ในลักษณะที่ไม่เลือกปฏิบัติ กับสินค้าที่นำเข้าจากอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมากเกินไป ขณะเดียวกันจะจัดคณะกรรมการร่วมทางการค้า (เจทีซี) ไทย-อินโดนีเซีย โดยมี รมว.พาณิชย์ของไทย และ รมว.อุตสาหกรรมและการค้าของอินโดนีเซียเป็นประธาน

"ความตกลงนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะจะเป็นเวทีการเจรจาทวิภาคี (2ฝ่าย) ที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาความร่วมมือทางการค้า และลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐและเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่สำคัญยังทำให้ไทยสามารถเพิ่มโอกาสขยายมูลค่าการค้า และการลงทุนได้ เพราะอินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีประชากรเป็นอันดับ 4 ของโลก หรือประมาณ 240 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของตลาดอาเซียน" นายอลงกรณ์กล่าว

ปัจจุบัน อินโดนีเซียอยู่ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง จึงต้องการสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องใช้ภายในบ้าน, ยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สิ่งทอ, รองเท้าและเครื่องหนัง, ผลไม้, รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น

โดยสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในตลาดอินโดนีเซีย ได้แก่ ข้าวและน้ำตาล รวมทั้งอาหารทุกประเภท โดยเฉพาะผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ ฝรั่ง และชมพู่ รวมถึงอาหารสำเร็จรูป เช่น เครื่องปรุงรส อาหารกระป๋อง (ปลากระป๋อง ผลไม้กระป๋อง) น้ำผลไม้ ของขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งชาวอินโดนีเซียนิยมสินค้าไทย เพราะมีคุณภาพดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ