นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง มุมมองเศรษฐกิจไทย ปีกระต่ายทอง 2554 ว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังเติบโตได้ แต่ต้องระมัดระวังการลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยคงไม่ปรับขึ้นมากเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นภาพลบต่อตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียน ยกเว้นหุ้นกลุ่มน้ำมัน
ทั้งนี้ มองว่าในปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 15% จากปี 53 ที่เติบโต 25% และหากพิจารณาจาก P/E ที่ 13 เท่า ดัชนีตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นถึง 1,000 จุดได้ และหาก P/E 14 เท่า ดัชนีจะอยู่ที่ 1,100 จุด และ P/E 15 เท่าดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ที่ 1,200 จุดได้ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์โลกหากเลวร้ายลง ปัญหาวิกฤตในประเทศลิเบียลุกลาม ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น มีผลทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงได้
"ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ไม่ได้ถูกเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาแล้ว ซึ่งปีที่แล้วมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้น 82,000 ล้านบาท ตลาดตราสารหนี้ 320,000 ล้านบาท แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่นมา ต่างชาติขายหุ้นไปแล้ว 19,000 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ 225,000 ล้านบาท ซึ่งเยอะมาก"นายก้องเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติขณะนี้เริ่มไหลกลับไปลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ มากขึ้น โดยให้จับตาตลาดหุ้นสหรัฐขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นแล้ว
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวในอัตรา 4% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบระมัดระวัง เห็นได้จากประชาชนเริ่มมีความระวังตั้งแต่ต้นปี หลังจากปีที่แล้วตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นเกินคาด แต่ปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังทรงๆ ตัว ดังนั้น การฟื้นตัวในตลาดหุ้นจะฟื้นตัวเฉพาะกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ pick out ไปแล้ว
สำหรับปัญหาเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บางธุรกิจที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ ทองแดง เงิน รวมถึง อาหาร และสินค้าเกษตร ขณะที่ดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น ทำให้บริษัทเอกชนเริ่มออกหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี เพื่อล็อคต้นทุนดอกเบี้ยแล้ว โดยปีนี้คาดว่า ธปท.จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง รวม 0.50% หลังจากต้นปีปรับมาแล้ว 1 ครั้ง มาอยู่ที่ 2.25% และสิ้นปี จะอยู่ที่ 2.75% ส่วนจะปรับขึ้นช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับแรงกดดันจากเงินเฟ้อทั้งในและต่างประเทศ
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยคอนโดมิเนียมมีการเติบโตในอัตราที่สูงมาก และเข้ามาทดแทนตลาดบ้านเช่า ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างดอกเบี้ยที่ต่ำผิดปกติ ทำให้มีการปล่อยสินเชื่อคอนโดมิเนียมจำนวนมาก จากการที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ทำให้ประชาชนไม่อยากซื้อบ้าน และ ดอกเบี้ยที่ปรับลดลงมาก ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อ
และในปีนี้ มองว่าดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นอีกแน่อน และส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว และทำให้คอนโดมิเนียมน่าจะชะลอตัวด้วย